วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ ประวัติและสายพันธุ์ ของดอกกุหลาบ





ดอกกุหลาบ

 ดอกกุหลาบเป็นไม้ที่มีการปลูกเป็นการค้ากันแพร่หลายกันมานาน กุหลาบเป็นไม้ตัดดอกที่มีความสวยงามอยู่ในตัวของมันเอง ที่มีการซื้อขายแพร่หลายทั่วโลก ปัจจุบันประเทศไทยแหล่งปลูกที่สำคัญได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก นครปฐม สมุทรสาคร ราชบุรี และกาญจนบุรี การผลิตกุหลาบในประเทศไทยมี 2 ลักษณะคือ การผลิตกุหลาบในเชิงปริมาณ และการผลิตกุหลาบเชิงคุณภาพ เชิงปริมาณ หมายถึงการปลูกกุหลาบในพื้นที่ขนาดใหญ่ พื้นที่ราบ ซึ่งจะให้ได้ผลผลิตปริมาณมาก แต่ทางด้านคุณภาพจะลดน้อยลง ต่างจากการผลิตแบบคุณภาพ
ประเภทของกุหลาบ
1.กุหลาบดอกใหญ่ หรือ กุหลาบก้านยาว
2.กุหลาบดอกกลาง หรือ กุหลาบก้านขนาดกลาง
3.กุหลาบดอกเล็ก หรือ กุหลาบก้านสั้น
4.กุหลาบดอกช่อ (spray roses) เป็นกุหลาบชนิดใหม่
5.กุหลาบหนู (miniature roses) มีขนาดเล็กหรือแคระโดยธรรมชาติ


ประโยชน์
1.)ปลูกเพื่อความสวยงาม
2.)ตกแต่งสวน
3.)เพิ่มบรรยากาศ
4.)ใช้ประดับตกแต่งบ้าน งานเลี้ยง งานแต่งงาน
5.)ปลูกเพื่อส่งดอกขาย
6.) เพื่อนำไปสกัดน้ำหอม
7.)นำไปทำเป็นส่วนประกอบของสปา

ประวัติดอกกุหลาบ

        กุหลาบเป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมจากคนทุกยุคทุกสมัยมีประวัติ ความเป็นมาปรากฏให้เห็นตั้งแต่ราว5,000ปีที่ผ่านมาจากชนชาติสุเมเรียนที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บนพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์บริเวณแม่น้ำไทกรีสและยูเฟตีสหรืออิรักในปัจจุบันต่อมาในราว1,700ปีก่อนคริสต์ศตวรรษที่เกาะครีตซึ่งเกาะนี้เป็นเส้นทางผ่านของการค้าขายระหว่างยุโรปกับสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนท์และเมืองรีแวนต์หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับดอกกุหลาบบที่ปรากฏนี้เป็นภาพเขียนบนผนังในวังที่เรียกว่า Blue bird Fresco บนภาพเขียนนี้มีรูปกุหลาบปรากฏอยู่แต่กุหลาบที่เห็นมีรูปร่างไม่เหมือนกุหลาบจริงเพราะเป็นกุหลาบปิดด้วยทองมีกลีบดอก6กลีบแทนที่จะมี5กลีบเหมือนกุหลาบทั่วไป


           เรื่องราวของกุหลาบได้เผยแพร่จากชาวเกาะครีตไปทางตอนเหนือสู่ประเทศกรีซในสมัยของฮีโรโดตัสในช่วง425-485  ปีก่อนคริสตกาล


           กุหลาบเป็นที่ยอมรับและเป็นที่ชื่นชมของชาวกรีกมาถึงยุคสมัยใหม่
คงต้องกล่าวถึงพระนางโจเซฟินราชินีแห่งฝรั่งเศสผู้ทุ่มเทเงินทองและกำลังคนเพื่อเก็บรวบรวมพันธุ์กุหลาบต่างๆโดยใช้เวลารวมพันธุ์กุหลาบถึง 10 ปี กุหลาบพันธุ์ต่างๆในสวนโจฟินนี้เป็นบรรพบุรุษของกุหลาบในยุคปัจจุบันมีอยู่ประมาณ250 พันธุ์ หลังจากสมัยของโจเซฟินหลายทศวรรษ กุหลาบพันธุ์ใหม่ ๆเกิดขึ้นโดยการผสมกันเองตามธรรมชาติของกุหลาบพันธุ์ต่างๆกุหลาบใหม่ๆในช่วงนี้จึงเป็นลูกผสมที่มีความแปรปรวนทางพันธุกรรมแม้ว่ากุหลาบจะเป็นดอกไม้ที่มีปลูกในเมืองไทยเป็นระยะเวลานานแต่ก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าผู้ใดนำกุหลาบเข้ามาปลูกและตั้งแต่เมื่อใดทราบเพียงแต่ว่ากุหลาบเป็นที่สนใจและปลูกกันอย่างแพร่หลายในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันกุหลาบพันธุ์ต่างๆเหล่านี้คงหายากหรืออาจสูญพันธุ์ไปแล้วเนื่องจากมีกุหลาบใหม่ ๆ ที่มีความสวยงามกว่าเข้ามาแทนที่ ทำให้พันธุ์เก่า ๆเสื่อมความนิยมลง


    สายพันธุ์                         

กุหลาบที่ปลูกในประเทศไทยปัจจุบันนี้มีอยู่ด้วยกันหลายประเภทซึ่งถ้า แบ่งออกโดยสังเขปจะได้ดังนี้
  1. กุหลาบตัดดอกหรือไฮบริดที(Hybrid Tea หรือ HT)J ปกติมัก ออกดอกเป็นดอกเดี่ยวมีขนาดโต กลีบดอกซ้อน พุ่มต้นตั้งตรงสูงประมาณ 1-2 เมตร กุหลาบที่มีขายทั่วไป ตามท้องตลาดขณะนี้มักจะเป็นกุหลาบประเภทนี้ อย่า งไร ก็ตาม พันธุ์ ไฮบริดที นั้น มิได้ใช้บลูกเป็นไม้ตัดดอกได้ดีทุกพันธุ์ ดังนั้น จำเป็น ต้องคัดเลือกพันธุ์ให้เหมาะสมสำหรับแต่ละท้องที่ ลักษณะที่เหมาะสมสำหรับจะใช้ เป็นพันธุ์สำหรับตัดดอก คือ


พันธุ์ดอกสีแดง ได้แก่ พันธุ์บราโว. เรดมาสเตอร์พีช, คริสเตียนดิออร์, โอลิมเปียด, นอริค้า, แกรนด์มาสเตอร์พีช, ปาปามิลแลนด์, เวก้า พันธุ์ดอกสีเหลือง ได้แก่ พันธุ์คิงส์แรนซัม, ซันคิงส์, เฮสมุดสมิดท์, นิวเดย์ โอรีโกลด์ และเมลิลอน พันธุ์ดอกสีส้ม ได้แก่ พันธุ์ซันดาวน์เนอร์, แซนดรา, ซุปเปอร์สตาร์หรือทรอพปิคานา พันธุ์ดอกสีชมพู ได้แก่ พันธุ์มิสออลอเมริกาบิวตี้ หรือมาเรีย, คาสลาส, ไอเฟลทาวเวอร์, สวาทมอร์, เฟรนด์ชิพ, เพอร์ฟูมดีไลท์, จูวังแซล, เฟิร์สท์ไพรซ์, อเควเรียส, ซูซานแฮมเชียร์ พันธุ์ดอกสีขาว ได้แก่ พันธุ์ไวท์คริสต์มาส เอทีนา


พันธุ์ดอกสีอื่นๆ ได้แก่ พันธุ์แยงกี้ดูเดิ้ล, ดับเบิ้ลดีไลท์, เบลแอนจ์
นอกจากนี้ยังมีกุหลาบสำหรับเด็ดดอกร้อยพวงมาลัย เช่น กุหลาบพันธุ์ฟูซิเลียร์ ซึ่งมีดอกสีส้ม


2. กุหลาบพวง หรือ ฟลอริบันด้า ( Foribunda หรือ F.)
กุหลาบพวงมีความแข็งแรงทนทานกว่ากุหลาบตัดดอก ออกดอกดกแต่ดอกไม่ใหญ่เท่ากับกุหลาบตัดดอกแต่มีครบทุกสี และออกดอกเป็นช่อทีละหลาย ๆ ดอก จึงนิยมเรียกว่ากุหลาบพวง และมักบานพร้อมกัน ดอกมีขนาดเล็ก พุ่มต้นตั้งตรงสูง ประมาณครึ่งเมตรถึง 1 เมตร เหมาะสมที่จะปลูกในแปลงประดับและในกระถางเช่น พันธุ์ฟูซีเลียร์, พันธุ์แองเจลเฟส



3. ประเภทแกรนดิฟลอร่า (Grandiflora หรือ Gr. ) กุหลาบประเภทนี้เป็นกุหลาบลูกผสมระหว่างกุหลาบตัดดอก และกุหลาบพวง มีลักษณะเป็นดอกเดี่ยว แต่ดอกเล็กกว่ากุหลาบตัดดอก มีก้านยาว ต้นโต สูง และแข็งแรง เช่ น พันธุ์คาเมล็อท, พันธุ์คาเสทไนท์







4. กุหลาบ หรือ มินิเอเจอร์ (Miniature หรือ Min.) เป็นกุหลาบที่มีขนาดพุ่มต้นเล็ก สูง 1- 2 ฟุต ออกดอกเป็นพวงและดอกมีขนาดเล็ก นิยมปลูกประดับแปลง และใช้เป็นไม้กระถาง เช่น พันธุ์เบบี้ มาสเคอร์เหรด
5. กุหลาบเลื้อย หรือ ไคลมเบอร์ (Climher หรือ Cl.) กุหลาบชนิดนี้ลำต้นสูงตรง นำไปเลื้อยพันกับสิ่งต่าง ๆ ได้ดอกมีทั้งเป็นดอกขนาดใหญ่ และดอกเป็นพวง เช่น พันธุ์ดอนจวน , พันธุ์ค็อกเทล
6. ประเภทโพลีแอนท่า (Polyantha หรือ Pol.) เป็นกุหลาบลูกผสมระหว่างพันธุ์โรซ่า มัลติฟอร่า กับ โรซ่า ไชเนนซิสมีขนาดพุ่มต้นเตี้ย แข็งแรงและทนทานมาก ออกดอกเป็นพวงคล้ายกุหลาบพวง ลักษณะดอกและต้นคล้ายกุหลาบหนูแต่จะแตกต่างกับกุหลาบหนูตรงที่กุหลาบโพลีแอนท่าจะมีหูใบที่มีลักษณะของพันธุโรซ่า มัลติฟลอร่า กุหลาบประเภทนี้ เช่น พันธุ์วายวอน ราเบีย
7. ประเภทแรมเบลอร์ (Rambler หรือ R) มีลำต้นยาวและอ่อนโค้งออกดอกเป็นพวง และดอกมีขนาดเล็ก เช่น พันธ์ไดโรที เปอร์กิน
8. กุหลาบพุ่ม หรือซรับโรส (Shrub หรือ S.) ได้แก่กุหลาบพันธุ์ป่าหรือลูกผสมของพันธุ์ป่า ซึ่งมีทรงต้นเป็นพุ่ม ออกดอกเป็นช่อ ดอกมีขนาดเล็กส่วนมากมีกลีบชั้นเดียว เช่น พันธ์โรซ่า นิติด้า , โรซ่า มัลติฟลอร่า, โรซ่า รูโกซ่า